รหัสสินค้า | SKU-00271 |
หมวดหมู่ | เครื่องราง ของขลัง |
ราคา | 0.00 บาท |
สถานะสินค้า | Pre-Order |
อัพเดทล่าสุด | 28 พ.ค. 2568 |
คงเหลือ | 0 ชิ้น |
ตะกรุดปฏิสังขาโย หลวงปู่ เดินหน อิเกสาโร พร้อมบัตรรับรองวัตถุมงคล เลขที่ 7967 + หนังสือ หลวงปู่ เดินหน อิเกสาโร ผู้เปิดโลกหลังความตาย เล่มที่ 1 ปกแข็ง (ฉบับสมบูรณ์ ) จัดสร้างปี 2563 พร้อมปกหนัง สภาพไม่เคยใช้งาน
ในชุดประกอบด้วย
1.หนังสือ หลวงปู่ เดินหน อิเกสาโร ผู้เปิดโลกหลังความตาย เล่มที่ 1 ปกแข็ง (ฉบับสมบูรณ์ ) จัดสร้างปี 2563 พร้อม
2. ปกหนัง รูป หลวงปู่ เดินหน อิเกสาโร
3.ตะกรุดปฏิสังขาโย หลวงปู่ เดินหน อิเกสาโร พร้อมบัตรรับรอง เลขที่ 7967
บทความจาก เพจ ฅนขลัง คลังวิชา
เมื่อเทพเจ้าฝ่ายบุ๋นพบหลวงปู่เดินหน
หลวงพ่ออินทอง สีลสุวัณโณ วัดสำเภาเชย
ในยุคปัจจุบันที่บ้านเมืองเจริญทางวัตถุ จะหาพระอาจารย์ที่ทรงคุณทางจิต ทรงภูมิวิชาความรู้ทั้งปฏิบัติดีมีศีลน่าเคารพนั้นยากนัก บทความนี้ข้าพเจ้าอยากกล่าวถึงพระอาจารย์รูปหนึ่ง ท่านรูปนี้นับเป็นพระเถราจารย์ผู้ทรงภูมิธรรมสูง ทรงคุณวิเศษทางจิตบรรลุญาณสมาบัติจริง ทั้งศีลาจารวัตรน่าเคารพเลื่อมใส เรียกว่าถึงพร้อมทั้ง **#อิทธิฤทธิ์และบุญญฤทธิ์ #แตกฉานในสรรพวิชาการ** พระอาจารย์ที่กล่าวถึงนี้ คือ พระศีลมงคล (อินทอง สีลสุวณฺโณ) วัดสำเภาเชย จังหวัดปัตตานี ผู้ฅนส่วนใหญ่รวมถึงข้าพเจ้าเรียกท่านติดปากว่า **#ท่านอาจารย์ทอง** ด้วยความที่ท่านเป็นผู้ทรงภูมิจิตสูง สามารถล่วงรู้สิ่งลี้ลับเกินตาเนื้อมองเห็น สาธุชนที่เคารพในองค์ท่านจึงมักเรียกท่านว่า **#อาจารย์ทองเทวดา** นับถือว่าท่านเป็นเทพเจ้าฝ่ายบุ๋น แห่งดินแดนลังกาสุกะ ส่วนเทพเจ้าฝ่ายบู๊ คือ พ่อท่านเขียว กิตฺติคุโณ วัดห้วยเงาะ จังหวัดปัตตานี
.............
ข้าพเจ้าได้ฟังเรื่องราวของท่านอาจารย์ทองจากคำบอกเล่าของคุณลุงท่านหนึ่งที่ โรงพยาบาลนนทเวช คุณลุงท่านนี้ได้พบกันโดยบังเอิญ ทราบว่าท่านเป็นศิษย์ท่านอาจารย์ทอง เวลานั้นข้าพเจ้าไปเฝ้าฅนป่วย จึงได้พบและพูดคุยกันถูกคอ คุณลุงเล่าว่าท่าอาจารย์ทองมีพลังจิตสูง เสกของเคลื่อนไหวได้จริง ทำให้เกิดความสนใจ เมื่อมีเวลาข้าพเจ้าจึงเดินทางลงใต้ เพื่อไปกราบท่านในราว พ.ศ. ๒๕๔๗ ก่อนเดินทางคราวนั้น ข้าพเจ้าได้อธิษฐานบอกเล่าต่อ หลวงปู่เดินหน อิเกสาโร เชิญบารมีท่านคุ้มครอง ก็อย่างที่รู้กันดีว่า จังหวัดปัตตานี เป็นพื้นที่สีแดงอันตรายย่อมเกิดขึ้นได้ทุกขณะ ตามปกติข้าพเจ้าแขวนพระเครื่องติดตัวเน้นด้านความขลัง เรียกว่าต้องดีจริงจึงแขวน ไม่เน้นพระหรูราคาแพงอวดบารมี นั้นไม่ใช่แนวทางของข้าพเจ้า ซึ่งวัตถุมงคลที่บูชาคู่กายตลอดเวลา คือ วัตถุมงคลของหลวงปู่เดินหน โดยที่ปลายสายสร้อยข้าพเจ้าจะแขวน **#ชิการ์หรือยาสูบของหลวงปู่** ท่านสูบแล้วมอบให้ข้าพเจ้าไว้ในอดีต
.............
¤ #ชิการ์ของวิเศษที่ไม่ต้องเสก ¤
ซิการ์หรือยาสูบนี้สมัยก่อนหากมีศิษย์พระสงฆ์มากราบขออนุญาต ออกเดินธุดงค์ไปในป่าเขาห่างไกล หลวงปู่จะมอบยาสูบให้ทั้งสำทับว่า "#สามารถป้องกันภัยจากภูติผีปีศาจอาถรรพ์ป่าได้" ต่อมามีศิษย์ผู้หนึ่งเป็นลูกจีนชื่อ คุณเล็ก ได้ขอยาสูบไปเลี่ยมแขวนคอแบบเดี่ยว ๆ ชิ้นเดียว ด้วยความมั่นใจในองค์หลวงปู่ ต่อมาเขาไปประสบอุบัติเหตุที่แยกหินกอง จังหวัดสระบุรี ปรากฏว่าคุณเล็กเป็นเพียงฅนเดียวที่ไม่บาดเจ็บเลย คุณเล็กเล่าว่าตอนที่รถชน (รถกระบะแบบตอนเดียว) ตัวคุณเล็กนั่งกลางคร่อมคันเกียร์อยู่ ตัวแกนั่งมากำลังเคลิ้ม ๆ ยังไม่ทันหลับสนิทดี ก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่น น่าแปลกที่ตัวแกนั่งกลางแต่กระเด็นออกมาจากรถอย่างไรไม่ทราบ มารู้สึกอีกทีนั่งจุ้มปุ๊กอยู่นอกตัวรถ ที่มองไปเห็นหงายท้องล้อชี้ฟ้าอยู่ มีความรู้สึดว่า #ช่วงที่ตัวกระเด็นออกจากรถ #รู้สึกเหมือนมีอะไรมาห่อหุ้มตัวอยู่ #ความรู้สึกคล้ายตัวอยู่ในลูกบอลกลมๆที่เด้งได้มาห่อหุ้มตัวแกไว้ จึงไม่ปรากฏว่าบาดเจ็บในส่วนใดเลย รู้สึกเพียงเคล็ดขัดยอกนิดหน่อยเท่านั้น
จากเหตุการณ์นั้นข้าพเจ้าจึงกราบขอยาสูบจากหลวงปู่บ้าง โดยหลวงปู่ท่านบอกกับข้าพเจ้าว่า "#ชิการ์นี้ไม่ต้องเสกก็ขลังวิเศษแล้ว #เพราะชิการ์ที่ท่านสัมผัสสูบอยู่นั่น #ได้รับพลังปราณของท่านโดยตรง" ท่านว่าพระเครื่องต่าง ๆ เวลาเสกเป็นเพียงส่งกระแสจิตไปสู่วัตถุมงคลนั้น แต่ชิการ์ที่สูบท่านสัมผัสจับต้องโดยตรง จึงขลังวิเศษจากพลังที่รับโดยตรงนั่นเอง ต่อมาข้าพเจ้านำ **#สายสิญจน์ปราบเทพ** ซึ่งเป็นสายสิญจน์ที่หลวงปู่เสกไว้ในกรณีพิเศษ สายสิญจน์นี้ใช้ติดตัวสามารถป้องกันและปราบเทพที่เป็นมิจฉาทิฐิได้ หากเทพใดหมายมาทำร้ายหรือรบกวนเราจะต้องถอยออกไป แต่หากเทพที่เข้ามาหมายทำร้ายก็จะอ่อนแรงลงเฉย ๆ ไม่อาจรบกวนผู้มีสายสิญจน์นี้ได้ ข้าพเจ้านำภาพถ่ายและสายสิญจน์ของหลวงปู่ มาเลี่ยมใส่รวมกับซิการ์แขวนติดตัวลงใต้ จึงเป็นที่มาของเรื่องราวอัศจรรย์ที่จะนำมาเล่าดังต่อไปนี้
¤ #พลังที่เรียกว่าครูเหนือครูมีอยู่จริง ¤
จำได้ดีเมื่อข้าพเจ้าเดินถึงกุฏิมองเห็นท่านอาจารย์ทอง เห็นมีแขกมากราบอยู่ก่อนพอควร เมื่อข้าพเจ้าเดินถึงหน้ากุฏิก็นั่งคอยดูอยู่ห่าง ๆ พลันเห็นท่านอาจารย์ทองหันมามองดู สังเกตเห็นท่านเหลือบมองมาหลายครั้ง พอถึงคิวข้าพเจ้าก็คลานเข้าไปกราบท่าน ยังไม่ทันได้รายงานตัวพูดคุยกันอย่างใด ท่านอาจารย์ทองได้ถามข้าพเจ้าขึ้นก่อนว่า **#คุณมาจากไหน** ทั้งจ้องมองหน้าข้าพเจ้าครู่หนึ่งคล้ายท่านใช้จิตตรวจค้นอะไรบางอย่าง ท่านยิ้มที่มุมปากแล้วกล่าวกับข้าพเจ้าแบบสงสัยว่า
#ท่านอาจารย์ทอง
**ขอถามคุณหน่อยนะในตัวคุณมีของที่รูปร่างยาว ๆ ประมาณนี้ (โดยท่านทำนิ้วชี้กับนิ้วโป้งแสดงขนาดของสิ่งที่ท่านถาม) แขวนมาด้วยหรือไม่ อยากถามว่าของนี้เป็นของอาจารย์ใด ?**
#ข้าพเจ้าผู้เขียน
เมื่อแรกที่ข้าพเจ้าได้ยินคำถามยังรู้สึก งง และไม่ทราบว่าของที่พูดถึงคือสิ่งใด เพราะตอนนั้นยังไม่แน่ใจว่าท่านหมายถึงอะไร จึงตอบท่านไปว่า **ของที่ท่านพูดถึงนี้ผมเองไม่ทราบเหมือนกันว่า คือ อะไร ? **
#ท่านอาจารย์ทอง
เมื่อท่านฟังแล้วก็ชี้นิ้วมาที่ใต้เสื้อที่สวมอยู่แล้วพูดย่างมั่นใจหนักแน่นว่า
**ของที่คุณใส่มานี้แรงมาก พลังของวัตถุนี้ปะทะฉันตั้งแต่คุณมายืนที่หน้ากุฏิ (ห่างจากท่านหลายเมตร) ของนี้พระอาจารย์ใดเสกเอาไว้ พอจะตอบฉันได้ไหม ?**
#ข้าพเจ้าผู้เขียน
ข้าพเจ้าได้ฟังเมื่อแรกก็ไม่รู้จะตอบท่านอย่างไร เพราะเรื่องของหลวงปู่เดินหนนั้นไม่ใช่จะเที่ยวบอกกับใครง่าย ๆ ด้วยเวลานั้นยังมีผู้อื่นนั่งอยู่ด้วย ทั้งเป็นการพบท่านอาจารย์ทองครั้งแรก ในใจไม่รู้ว่าหากพูดไปแล้วท่านจะเชื่อหรือไม่อย่างไร จึงตอบท่านไปแบบสงวนท่าทีว่า
**#พระแถวบ้านที่ผมเคารพท่านเสกให้มาครับ**
#ท่านอาจารย์ทอง
เมื่อได้ฟังดูท่าทีท่านยังไม่คลายความสงสัย ได้ขอดูซิการ์ในคอข้าพเจ้า แล้วท่านนำไปถือในมือครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นว่า
**ของนี้อย่ามาพูดว่าพระแถวบ้านคุณเสกเลย พลังแบบนี้ไม่ใช่พลังของพระสงฆ์ทั่วไป อันพระเกจิที่ไม่ว่าเก่งแค่ไหนเมื่อสัมผัสแล้วก็สามารถรู้ได้ว่า ท่านเหล่านั้นเป็นพระสงฆ์เรืองอาคมแบบสามัญ แต่พระที่เสกของชิ้นนี้ท่านไม่ใช่พระในโลกนี้ พลังแบบนี้เป็นพลังของพระที่มาจากโลกทิพย์
..#เป็นครูเหนือครู.. #พระที่เสกลงพลังได้เท่านี้ #ไม่มีในโลกนี้อย่างแน่นอน
พระสมเด็จราคาแพง ๆ พระเก่ง ๆ ฉันสัมผัสมาแล้วแทบทั้งสิ้น ฅนใหญ่นายโตที่เขาแขวนบูชาอยู่กับตัวมากราบฉัน ๆ ก็สัมผัสพลังพระเหล่านั้นมามากแทบทั้งสิ้น แต่ไม่เคยพบพลังใดรุนแรงเท่านี้ในวัตถุมงคลทั่วไปที่เขาบูชากัน แม้นพระเครื่องที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่ทวด สมัยท่านมาประทับทรงฉันก็เคยพบท่าน
ซึ่งพลังในวัตถุมงคลของหลวงปู่ทวดที่ฉันว่าแรงแล้วนั้น เมื่อมาสัมผัสพลังในของชิ้นนี้กลับแรงล้ำเหนือขึ้นไปอีก เป็นระดับครูบาอาจารย์ที่ล้ำลึกขึ้นไป (ท่านอาจารย์ทองเคยร่วมปลุกเสกพระหลวงปู่ทวดตั้งแต่สมัยอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ ยังทรงสังขารอยู่) พลังที่เสกลงได้ระดับนี้นั้น ความจริงสมัยก่อนฉันเคยสัมผัสมาแล้วครั้งหนึ่ง**
¤ #เดินทางตามหาหลวงปู่โลกอุดร ¤
ท่านอาจารย์ทองเล่าย้อนความหลังครั้งยังหนุ่มแน่น ภายหลังเดินไปศึกษาวิชากับหลวงพ่อเริ่ม วัดคีรีวงการาม (วัดตลิ่งงาม) อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฏร์ธานี ท่านได้ออกเดินทางไปตามคำเล่าลือถึงฆราวาสฤทธิ์ผู้หนึ่ง ฆราวาสนี้นุ่งขาวห่มแบบชีปะขาวถือศีลกินเพล พักอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง (ท่านจำชื่อไม่ได้) อยู่ในเทือกเขาขุนพนม จังหวัดนครศรีธรรมราช โดยทุกเจ็ดวันชีปะขาวนี้จึงจะออกมาจากถ้ำครั้งหนึ่ง ชาวบ้านจะพากันมาใส่บาตรแก่ชีปะขาว เมื่อกินข้าวอิ่มแล้วชีปะขาวจะกลับเข้าถ้ำเพื่อบำเพ็ญเพียรภาวนาต่อไป ชีปะขาวผู้นี้สำเร็จฤทธิ์ทรงคุณวิเศษชาวบ้านนับถือ หากใครมีเรื่องเดือดร้อนจะมาคอย และขอให้ช่วยเมื่อท่านออกมาจากถ้ำ ล่ำลือกันว่าท่านเป็นศิษย์หลวงปู่เทพโลกอุดร เหตุนี้เมื่อท่านอาจารย์ทองทราบจึงเดินทางมารอพบชีปะขาวผู้นี้
ท่านอาจารย์ทองเล่าว่าเมื่อท่านพบกับชีปะขาว ตัวท่านปฏิบัติสมาธิได้ระดับหนึ่งแล้ว สามารถใช้กำลังสมาธิตรวจสอบวัตถุมงคลต่าง ๆ ได้แล้ว ท่านอาจารย์ทองได้แจ้งความประสงค์ว่าอยากได้สิ่งมงคล เพราะหากชีปะขาวเป็นศิษย์สามารถพบหลวงปู่เทพโลกอุดรได้จริงแล้ว ท่านก็อยากขอของมงคลที่ปลุกเสกโดยหลวงปู่เทพโลกอุดร เมื่อชีปะขาวทราบก็ได้นัดว่าอีกเจ็ดวันจะนำของที่ท่านขอมาให้ ท่านอาจารย์ทองรออยู่เจ็ดวันที่หน้าถ้ำ พอถึงวันที่เจ็ดชีปะขาวออกมาจากถ้ำ ปรากฏว่าชีปะขาวนำก้อนหินสีขาวเล็ก ๆ ถวายท่านมาหนึ่งก้อน โดยกล่าวว่า
**#ก้อนหินนี้หลวงปู่เทพโลกอุดรท่านมาปลุกเสกให้ #ขอถวายแด่ท่านอาจารย์ทองไว้เป็นที่ระลึกตามที่ขอ**
#ท่านอาจารย์ทอง
**เมื่อนำก้อนหินนั้นมาตรวจด้วยกำลังสมาธิ จึงสัมผัสได้ถึงมวลพลังมหาศาลที่อัดแน่นอยู่ในก้อนหิน ซึ่งพลังที่ว่านี้ท่านจำได้ไม่มีวันลืม เพราะพลังแบบนี้หาใช่มีในวัตถุมงคลทั่วไป แม้นพระเครื่องของหลวงปู่ทวดก็ยังไม่เท่านี้**
ซึ่งกระแสพลังเช่นเดียวกันนี้หลังจากเวลาผ่านไปหลายสิบปี ท่านอาจารย์ทองพึ่งมาสัมผัสอีกครั้งก็คราวที่ได้พบกับข้าพเจ้า ท่านพูดจบก็ยกสายสร้อยคอของข้าพเจ้าที่มี **#ชิการ์ของหลวงปู่เดินหน** ยกขึ้นเหนือศีรษะ แล้วลดมือลงเรียกข้าพเจ้าให้ดูแขนท่านที่เวลานั้นขนแขนลุกชูชันพร้อมกันทั้งลำแขน ทั้งกล่าวย้ำอีกว่าแรงเหลือเกินของนี้แน่นไปหมด แล้วท่านอาจารย์ทองก็กล่าวกับข้าพเจ้าแบบยิ้ม ๆ ด้วยเมตตาว่า
#ท่านอาจารย์ทอง
**บอกตามตรงฉันมีน้ำมันเสือของท่านอาจารย์เจ้า วัดเขาอ้อ และของวิเศษหลายอย่าง ฉันไม่เคยขอของใครฟรี ๆ หากคุณพอจะแลกกันกับของที่ฉันมีอยู่ให้บอกมา ฉันยินดีนำมาแลกกับยาสูบชิ้นนี้ เพราะก้อนหินที่ฉันเคยได้ไว้นั้น ภายหลังไม่รู้ว่าหายไปทางไหนหาไม่เจอจึงนึกเสียดายมาตลอด มาวันนี้เจอยาสูบที่มีพลังเช่นเดียวกันก็อยากได้ไว้คุ้มตัว เพราะเป็นของครูบาอาจารย์ระดับสูงที่หาได้ยากยิ่งในแผ่นดิน หากคุณมีหลายชิ้นหรือไม่รังเกียจฉันขอแลกไว้บูชาได้ไหม**
เมื่อท่านอาจารย์กล่าวจบเห็นท่านนำของขลังที่มีอยู่มาให้ข้าพเจ้าเลือก เพื่อขอนำมาแลกกับยาสูบของหลวงปู่เดินหน เหตุการณ์ครั้งนี้สร้างความแปลกใจให้ ศิษย์ที่รับใช้ท่านอยู่จำได้ว่าชื่อ คุณลุงแปลก เพราะเมื่อคุณลุงเห็นท่านอาจารย์ทองพูดกับข้าพเจ้าเช่นนั้น ดูคุณลุงแปลกท่านสนใจเป็นอันมาก ภายหลังท่านได้มาสะกิดข้าพเจ้าพร้อมถามว่า
** คุณเป็นศิษย์ใครมาจากไหน แขวนพระอะไรมากับตัว พระที่เก่งขนาดนี้ผมไม่อยากเชื่อว่าจะยังมีอยู่ นี่หากไม่ใช่พ่อท่านทองพูดผมจะไม่เชื่อเลย**
เพราะตัวคุณลุงรับใช้ท่านอาจารย์ทองมานับสิบปี ตลอดเวลาที่ผ่านมามีฅนใหญ่ฅนโตมากราบท่านมากมาย ไม่เคยเห็นท่านอาจารย์ทองพูดคุยขอแลกของดังเช่นคราวนี้ ลุงแปลกบอกว่าท่านอาจารย์ทองเป็นพระสงฆ์ที่เคร่งในศีลมาก ทั้งมั่นใจพลังจิตและอาคมในตัวเองสูงมาก ของนี้ต้องไม่ธรรมดาเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ท่านแสดงออกเช่นนี้ ลุงแปลกจึงได้ถามชื่ออาจารย์ผู้เสกทั้งกล่าวแบบยิ้ม ๆ ว่า ของนี้คุณมีอีกไหมหากมีคราวหน้าเอามาฝากแกบ้าง ผมฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มให้คุณลุงอย่างเดียว
ในวันนั้นข้าพเจ้าไม่ได้แลกซิการ์นี้กับของวิเศษท่านอาจารย์ทอง เพราะเป็นซิการ์ที่หลวงปู่มอบให้ข้าพเจ้าไว้โดยตรง แต่ข้าพเจ้าได้บอกท่านไปว่าหากกลับมากรุงเทพแล้วจะหาให้ท่านดู หากหาได้จะนำมาถวายท่านสักชิ้นไว้คุ้มตัว แต่จนแล้วจนรอดก็มีเหตุในหลงลืมไปต่าง ๆ คราวใดลงใต้มากราบท่าน ๆ ยังทวงซิการ์จากข้าพเจ้าทุกครั้งไม่เคยลืม ท่านอาจารย์ทองท่านเมตตาข้าพเจ้าพอควรตั้งแต่คราวแรกที่ได้พบ เพราะเมื่อถึงเวลาฉันภัตตาหาร ท่านได้สั่งให้ข้าพเจ้าคอยอยู่ก่อน เมื่อท่านฉันเสร็จแล้วก็สั่งให้คุณลุงแปลกมาตามข้าพเจ้า เมื่อคลานเข้าไปหาเห็นท่านตักข้าวกล้องในหม้อขึ้นมาเสก แล้วสั่งให้ข้าพเจ้าอ้าปากแล้วป้อนคำข้าวเสกให้ ๓ คำ แล้วสั่งให้กินอาหารที่เหลือจากท่าน ณ ที่ตรงนั้นกับคุณสิทธิพรสหายผู้ติดตามไปคราวนั้น
ทราบว่าในช่วงปัจฉิมวัยตามปกติท่านอาจารย์ทองจะไม่ค่อยแสดงฤทธิ์ แต่มาทราบภายหลังจากปากท่านอาจารย์ทอง ทำให้ทราบว่าพลังจิตของท่านไม่ธรรมดาเลย ท่านพูดว่าคราวที่พบข้าพเจ้านั้นท่านแสดงฤทธิ์ ด้วยเหตุผลที่ท่านพูดให้ฟังแบบติดตลกว่า
**ฅนนี้เขาสายฤทธิ์ ครูเขาทรงคุณวิเศษสูง เราต้องแสดงสักหน่อย เดี๋ยวเขาจะไม่กล้าคุยกับเรา เขาจะคิดว่าเราเป็นแค่พระแก่ ๆ ทำฤทธิ์ไม่เป็น**
ยอมรับว่าท่านอาจารย์ทองคือของจริงแท้ ท่านรู้ใจผมได้เหมือนมานั่งเปิดดูหนังสือแบบนั้น และเป็นที่รู้กันดีว่าท่านอาจารย์ทองเป็น ๑ ใน ๔ พระเกจิสำคัญสายหลวงปู่ทวด คือ สามารถสื่อเชิญญาณบารมีหลวงปู่ทวดได้จริง การที่ท่านออกปากพูดขนาดนี้ต้องจริง เพราะท่านเป็นพระที่สงวนคำพูดและสังวรในศีลมากที่สุด ข้าพเจ้าเขียนตามคำที่ท่านพูดเท่าที่จำได้ ทั้งหมดเป็นคำที่ท่านอาจารย์ทองเคยพูดจริง แม้นจะไม่ตรงแบบถอดเทปแต่ความหมายตามคำเดิมทั้งสิ้น ขอยืนยันต่อดวงวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของท่านอาจารย์ทองที่ข้าพเจ้าคารพยิ่ง ทั้งหมดเป็นคำจริงหาใช่ใส่สีตีไข่แต่งเรื่องเปิดทางนรกให้ตัวเอง
ในวันนั้นผู้ร่วมเดินทางไปกับข้าพเจ้ามี คุณสิทธิพร โปษยะนุกูล ซึ่งหลังเหตุการณ์นี้ คุณสิทธิพร เกิดความเลื่อมใสในท่านอาจารย์ทอง ทั้งรักเคารพหลวงปู่เดินหน อิเกสาโร อย่างที่สุด และติดตามข้าพเจ้าจริงจังมานับแต่นั้น อีกท่านที่อยู่ในเหตุการณ์ คือ คุณลุงแปลก ศิษย์ฅนสนิทท่านอาจารย์ทอง เรื่องราวนี้เคยเกิดขึ้นจริงไม่ว่าอย่างไรต้องเป็นความจริง ข้าพเจ้าเห็นสมควรนำมาบันทึกไว้เพื่อให้สังคมได้รับรู้ ถึงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ทั้งเป็นการเผยแพร่เกียรติ์คุณของท่านอาจารย์ทอง พระสงฆ์ผู้ทรงอภิญญาแห่งดินแดนปลายด้ามขวาน ผู้สร้างความอัศจรรย์รับรู้และสัมผัสสิ่งเหนือธรรมชาติได้จริง ข้าพเจ้านับถือท่านเป็นครูบาอาจารย์อย่างหมดหัวใจ ยากที่จะหาพระสงฆ์ที่ถึงพร้อมเช่นท่านได้อีก เรื่องราวในส่วนของท่านอาจารย์ทองที่ข้าพเจ้าประสพมาด้วยตนเองนั้น ต่อไปข้าพเจ้าจะนำมาเสนอให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง
Cr. เพจฅนขลัง คลังวิชา
ขอขอบคุณทุกแหล่งที่มา
Amuletstores.com
หน้าที่เข้าชม | 761,532 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 601,286 ครั้ง |
เปิดร้าน | 24 ก.ค. 2556 |